วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Australian Language


ลองดู Australian English สักสองสามคำก่อนนะครับ

คำแรกได้แก่ bottle shop (Liquor store)ใช้เรียกชื่อร้านที่ขายเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอลซึ่งที่ออสเตรเลียนั้น ใครอยากจะกินเบียร์กินเหล้า ดื่มไวน์ก็ต้องไปที่ bottle shop จะเข้าไปซื้อตามร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาเก็ตแบบในบ้านเรานั้นทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย ใครจะเดินกินเหล้าไปเรื่อยก็ไม่ได้ ให้ไปกินในบ้านของตนเองหรือที่ pub ที่มีอยู่ทั่วไป

ต่อมาคือ BYO. ที่ย่อมาจาก Bring your own (wine) คำนี้จะปิดอยู่หน้าร้านอาหารและภัตราคารที่ไม่มีใบอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล แต่ทางการอนุญาตให้ลูกค้าเอาไวน์มาดื่มกับอาหารในร้านได้ ร้านไหนไม่มีป้ายที่ว่านี้เอาไวน์ไปดื่มไม่ได้

คำต่อไป bushfire ที่ออสเตรเลียเรียกไฟป่า บางรัฐเกิดไฟป่าบ่อยมาก และแต่ละครั้งไฟลามไปรวดเร็วมากเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่มีต้นยูคาหรือต้นกัม (eucalypt) เยอะมาก ต้นไม้ที่ว่านี้มีน้ำมันมากก็เลยทำให้ติดไฟได้เร็ว ลามไปทั่ว ตัวโคอาล่า และสัตว์อื่นๆ ที่อยู่ตามต้นใม้หนีไม่ทันก็ตายอย่างน่าสงสาร

เอาอีกคำสำหรับคราวนี้ได้แก่ milk bar หรือร้านขายของสารพัดตามหมู่บ้านนั่นแหละ สมัยก่อนยังไม่มีร้านสะดวกซื้อแบบเซเว่น ร้านเหล่านี้จะขายของใช้ในบ้านทุกอย่างตั้งแต่มันฝรั่งทอดที่เขาเรียกว่า chips (แต่บ้านเราเรียกตามอเมริกันว่า French Fried) ไปจนถึงยาสีฟัน สบู่ ผงซักฟอกไปตามเรื่อง นับว่าเป็นวัฒนธรรมของเขาอีกอย่าง แต่หลังๆ มานี้ ก็มีร้านแบบอมริกันเข้ามาไม่ว่าจะเป็นร้านเซเว่น เบอร์เกอร์ คิงหรือซูเปอร์ข้ามชาติใหญ่ๆ แต่ที่นั่น(ขณะที่ผมเรียนอยู่ ไม่มีเทสโก้ โลตัส แต่มีซุปเปอร์ที่ดำเนินการโดยคนท้องถิ่น เช่น Cole Supermarket และ Woolworth เป็นต้น

ปัจจุบัน milk bar ได้รับผลกระทบอย่างแรงจากร้านสะดวกซื้อ ก็คล้ายๆ กับบ้านเรา ร้านสะดวกซื้อหรือแถวๆ บ้านผมเรียกร้านขายของสารพัดก็ได้รับผลกระทบด้วย หนีไม่พ้น

ภาพ Street Milk Bar - Bendigo, Australia จาก Flickr

ภาษาไทย ภาษาของเรา


ขอนอกเรื่องภาษาอังกฤษหน่อยนะครับ อยากเขียนเรื่องภาษาไทยของเราบ้าง

ไม่ได้เห่อเขียนเรื่องรักภาษาไทยในวัน “ภาษาไทย” ของเรา แต่อยากจะชี้ให้เห็นว่า ในประเทศเอเชียอาคเนย์นั้น มีประเทศไทยประเทศเดียวที่ยังรักษาภาษาซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชนชาติเราไว้ได้อย่างเหนียวแน่น น่าภูมิใจจะตาย

ประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในละแวกภูมิภาคหรือใกล้ๆ บ้านเรานั้นสูญเสียภาษาเขียนไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอินโดนิเชีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ไม่ต้องพูดถึง ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของเขาไปแล้ว

แม้แต่ประเทศเวียตนามใกล้ๆ บ้านเราก็ไม่มีภาษาเขียนที่เป็นของตนเองแล้วต้องใช้ภาษาเขียนก็ใช้อักษรของลาติน เนื่องจากเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมาก่อน ส่วนภาษาพูดของเขานั้นก็เอามาจากภาษาจีนเสียเยอะ

ถามว่าแล้วเขาไม่มีนักวิชาการที่รักชาติหรือวัฒนธรรมของตัวเองเป็นตัวตั้งตัวตีเพื่อจะให้ภาษาดั้งเดิมของเขากลับมาเลยหรือ

คำตอบก็คิอ มี แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็จะยิ่งทำให้จำนวนผู้ไม่รู้หนังสือเพิ่มหนักขึ้นไปอีกเพราะการจะมาตั้งต้นเรียนภาษาใหม่(หรือเก่าดั้งเดิมของเขา)นั้นต้องใช้เวลานานหนึ่งชั่วคนเชียว

เห็นมั้ยครับว่ากว่าเราจะรู้ว่าเรามีวัฒนธรรมที่รุ่มรวยก็ต่อเมื่อเราสูญเสียวัฒนธรรมไปแล้วโดยเฉพาะวัฒนธรรมทางภาษาของเรา
การเรียนภาษาอื่นๆไว้เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่ทำลายวัฒนธรรมทางภาษาดั้งเดิมของเรานะครับ

ภาพจาก วิกิพีเดีย

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Fair dinkum


Fair dinkum เป็นคำเก่าแก่ใช้แสดงความรู้สึกในภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลี่ยน คำนี้ใช้กันทั่วไปในสมัยก่อนและเป็นคำที่ถูกยกเป็นตัวอย่างของภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลี่ยน
ลองดูตัวอย่างคำพูดที่คนดังๆ ของออสเตรลียกล่าวไว้

“It's got to be a fair dinkum change of heart. We all know what that is.”อดีตนายกรัฐมนตรีจอห์น ฮาวเวิร์ดของออสเตรเลียที่พูดเกี่ยวกับอีรัก ขณะที่เยือนอเมริกา (Sydney Morning Herald, Feb 10 03)

“So be fair dinkum, and vote yes, yes for an Australian Head of State”
คำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรี บ้อบ ฮ้อก ของออสเตรเลียอีกคน (31 October 1999)

“Let us get fair dinkum when considering the form of rehabilitation in the early intervention programs.”สมาชิกรัฐสภา Hon. Mr Mitchell, MP, 24 March 1999

“I met a lot of shallow types over there to do with the movie. They do this thing where they hug ya. My mum taught me that a hug was getting your hearts close to show love, a fair-dinkum thing. But these people are chunks of steel, like concrete mate.”
Steve Irwin (Crock Hunter), Is this the best known Aussie in the world?, Sydney Morning Herald, 7 September 2002

เราคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ ก็ยากที่จะหาคำแปลตรงๆ แต่ลองอ่านปริบทในคำพูดของผู้พูดเหล่านี้แล้วเดาความหมายกันดูนะครับ

"Mate, are you fair dinkum?" - Kind Sir, are you telling me the truth, the whole truth and nothing but the truth?

"Mate, I'm fair dinkum, bloody oath I am" - Why of course!!

"He's a fair dinkum drongo" - He is honestly quite a fool who isn't too bright and gets nothing right. The fair dinkum adds the honestly part to the translation, the rest comes from drongo.

"You have to let him know you're fair dinkum" - You have to let him know you are bona fide.

"Fair dinkum?" - No shit?

เป็นไงบ้างครับอ่านแล้ว พอจะเข้าก็ถือว่าเดาถูกแล้วครับ คิดว่าไม่ยาก

แหล่งที่มา Australian Beers
ภาพจาก http://static.cricinfo.com/db/PICTURES/CMS/74500/74525.jpg

ค้นหาความหมายและแหล่งที่ของ Fair Dinkum เพิ่มเติมได้ที่ Urban Dictionary